มีคำพูดประโยคหนึ่งกล่าวว่า “กายา เส้นผม ผิวหนัง ได้รับมาจากพ่อแม่ จึงไม่กล้าทำให้ด่างพร้อย อันเป็นจุดเริ่มต้นของความกตัญญู” พ่อแม่นั้นมีบุญคุณที่ให้กำเนิดเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนเจ้ามา ดังนั้นจะต้องตอบแทนพระคุณท่าน เบื้องบนยังมีองค์อนุตตรธรรมมารดา ดังนั้น พวกเราจะต้องให้นายจริงเป็นเจ้าบ้าน นายจริงเป็นเจ้าบ้านก็คือการกระทำในสิ่งที่สมควรกระทำเปลี่ยนแปลงแก้ไขนิสัยข้อบกพร่อง ทำหน้าที่ของลูกให้ดี พวกเจ้าเป็นคนหนุ่มสาว คำกล่าวที่ว่า “กายา เส้นผม ผิวหนัง ได้รับมาจากพ่อแม่ จึงไม่กล้าทำให้ด่างพร้อย อันเป็นจุดเริ่มต้นของความกตัญญู” นี้เป็นการแสดงความกตัญญูที่เป็นรูปธรรม ในทางกลับกันพ่อแม่ให้กำเนิดเจ้ามามีร่างกายแข็งแรงครบถ้วนสามสิบสอง หากว่าเจ้าไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในครรลองแห่งธรรมถือว่าไม่มีความกตัญญู เช่นกันเข้าใจไหม พวกเจ้าจะต้องย้อนมองและลองตรึกตรองดูสิว่าสิ่งที่เจ้ากระทำออกไปโดยใช้อายตนะ ตาหูจมูกปากเท้านั้นสอดคล้องกับหลักสัจธรรมเพียงไร ขณะพ่อแม่มีชีวิตอยู่ให้รีบแสดงความกตัญญูต่อท่านทั้งสองเมื่อบุพการีไม่อยู่แล้วก็ดำเนินอยู่ในครรลองแห่งธรรม เพื่อทิ้งชื่อไว้ให้คนรุ่นหลัง ประกาศเกียรติคุณของพ่อแม่ เช่นนี้จึงเป็นการแสดงความกตัญญูสูงสุด ขณะที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่ดูแลแต่เฉพาะปากท้อง มีอาหารอร่อยก็เอาให้พ่อแม่ทาน นี่เรียกว่าแสดงความกตัญญูหรือยัง การนำอาหารอร่อยให้พ่อแม่ทานนับว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่ สำคัญคือจะต้องให้ความเคารพต่อท่าน อย่าพูดแต่ปาก กระทำออกมาแล้วหรือยัง ไม่ใช่นั่งพูดอย่างเดียวจะต้องลุกขึ้นมาทำด้วย ถ้าดีแต่พูดเจ้าก็ยังไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะหาความเจริญให้กับชีวิตในทางที่ถูกที่ควร ในทางตรงข้ามกลับกระตือรือร้นที่จะยื้อแย่งกัน คิดดูเถิดคนเป็นพ่อแม่ต่างหวังให้ลูกประสบความสำเร็จ แต่เจ้ากลับก้าวสู่ทางหายนะ แล้วชีวิตทั้งชีวิตจะเรียกกลับคืนมาได้อย่างไร จะชดใช้คืนแก่พ่อแม่ได้อย่างไร ได้ตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสองแล้วหรือยัง??? ชีวิตของคนเราอยู่ในโลกเพียงไม่กี่สิบปี คืนนี้เข้านอนถอดรองเท้า ใครกล้ารับประกันว่าพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาสวมรองเท้าคู่เดิมอีกครั้ง พวกเจ้าต้องรู้ตื่นได้แล้ว ต้องให้ความเคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่ของตนเองก่อนแล้วจึงจะไปดูแลผู้อื่นได้ พวกเจ้าสามารถทำได้เช่นนี้หรือไม่ เจ้าดำเนินงานธรรมเป็นแบบอย่างที่ดี แต่พอกลับถึงบ้านทำตัวเช่นไรหรือว่าอยู่นอกบ้านสวมบทพระ อยู่ในบ้านสวมบทมาร พวกเจ้าทำเช่นนี้หรือเปล่า??? ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แสดงบทพระ คนข้างหน้าให้เจ้านั่งตัวตรงเจ้าก็นั่งตัวตรง ให้เจ้าสำรวมตนเจ้าก็ทำ ทำตามได้ทุกอย่าง แต่เมื่อกลับไปยังสิ่งแวดล้อมที่เจ้าคุ้นเคย ธาตุแท้ก็เผยโฉมออกมา ใช่หรือ???? แล้วยังจะกล้ายกตนว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมอีกหรือ โดยเฉพาะคนยุคนี้เช่นพวกเจ้าต้องเน้นเรื่องคุณธรรมแห่งความกตัญญูกตเวทิตาธรรมเป็นสำคัญ สมัยก่อนพ่อแม่เลี้ยงดูลูกนับสิบคนไม่เห็นจะบ่นว่าลำบาก สมัยนี้ยิ่งมีลูกน้อยคนยิ่งต้องเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังได้เห็น น้ำแต่ละหยดก็มาจากแหล่งเดียวกัน จะต้องรำลึกถึงบุณคุณบุพการีที่ล่วงลับ อย่าให้พ่อแม่ต้องลงนรกตนเองขึ้นสวรรค์ไปเสวยสุขแต่เพียงผู้เดียว พวกเจ้าต่างก็รู้ว่า “ความดีทั้งปวงเริ่มจากความกตัญญู” หากเจ้าบำเพ็ญธรรมแต่ละเลยครอบครัวนับเป็นความผิดพลาด ดังที่กล่าวว่า “บุตรหนึ่งคนได้รับธรรม บรรพชนเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั้นได้พึ่งรัศมีบุญ บุตรหนึ่งคนสำเร็จธรรมบรรพชนขึ้นสู่สรวงสวรรค์” ขณะที่พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิต ทำไมไม่ไปโปรดพวกเขาล่ะ ตอนนี้มีใจคิดจะโปรดพ่อแม่บ้างไหม?? มี…แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ใช่หรือไม่?? “จะต้องเริ่มจากการบำเพ็ญพุทธจิต บำเพ็ญคุณธรรมบารมี ทำให้ผู้ใหญ่และญาติพี่น้องของเราเกิดความเข้าใจซาบซึ้ง” คำพูดเหล่านี้พูดง่าย แต่ที่น่าแปลกมีลูกหลายคนไม่สามารถแสดงความอ่อนน้อม หรือสร้างรอยยิ้มให้กับพ่อแม่ได้ หากเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร หรือว่าใช้แต่อารมณ์ ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก็ให้คิดถึงตอนมาสถานธรรม คนอื่นปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร เจ้าก็กลับไปปฏิบัติเช่นนั้นกับบุพการี แต่ถึงกระนั้นต้องมีความจริงใจด้วยจึงจะประสบความสำเร็จ เมื่อพ่อแม่ไม่เข้าใจธรรมะ พวกเจ้าจะทอดทิ้งพวกเขาไม่ได้ จะบอกว่าพ่อแม่หัวแข็ง แล้วก็ไม่ไปสนใจ ทำเช่นนี้ไม่ได้ !!!!!!! ก่อนอื่นจะต้องทำให้ท่านประทับใจ เมื่อถึงตอนนั้นพ่อแม่ก็จะรู้สึกว่าเจ้านั้นก็ปฏิบัติได้ดีทีเดียว ในที่สุดพวกเขาก็ใจอ่อนและยอมตามเจ้ามาสถานธรรม สิ่งใดที่พ่อแม่ไม่เข้าใจพวกเราจะต้องใช้ธรรมะนำพา อย่าใช้น้ำเสียงหรือกิริยาท่าทางขึงขังไม่พอใจ จะต้องสุขุมและสุภาพ รับฟังคำพูดของท่านที่ชี้แนะด้วยความนอบน้อม คนเป็นลูกจะต้องแสดงความรักคอยเป็นห่วงเป็นใยท่านทั้งสอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันก็จะต้องมีห่วงหาอาทร มีจิตสำนึกคุณตอบแทนท่าน ไม่ว่าพ่อแม่จะอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน พวกเขาก็สามารถรับรู้ถึงจิตกตัญญูของเจ้าได้ คิดดูเถิดว่า ในชาตินี้พวกเจ้าได้แสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่และเชื่อฟังท่านหรือไม่??? เคยอกตัญญูต่อพ่อแม่หรือไม่ ลองไตร่ตรองดูว่าใครให้กำเนิดเจ้า ใครเป็นคนฟูมฟักเลี้ยงดูเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ใครเป็นผู้ให้มา คิดดูว่า พวกเจ้าเคยคิดถึงหัวอกของพ่อแม่บ้างไหม เจ้าลองคิดในมุมมองของท่านดูบ้าง พระอาจารย์หวังว่าพวกเจ้าจะย้อนมองส่องตน จึงไม่เสียทีที่ได้บำเพ็ญในชาตินี้ หวังว่าหลังจากที่เจ้าย้อนมองส่องตนแล้วสามารถแสดงซึ่งความกตัญญูและความรู้สึกที่ดีต่อพ่อแม่ได้ พึงรู้ไว้ว่า พ่อแม่นั้นลำบากตรากตรำมาทั้งชีวิตเลี้ยงดูลูกอย่างเอาใจใส่ แต่ลูกนั้นเคยสละเวลาอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ รับฟังเรื่องราวในอดีตที่ท่านเล่า หรือความในใจของท่านที่อยากบอกกับลูกๆบ้างไหม??? พวกเจ้าเคยทำเช่นนี้กับพ่อแม่บ้างหรือไม่ คนที่เคยผ่านความทุกข์ย่อมรู้ซึ้งถึงรสชาติ หากตอนนี้ให้พวกเจ้าไปคุยกับวัยรุ่นและเล่าเรื่องในอดีตของเจ้าซึ่งเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนบัดนี้ มีใครบ้างที่อยากรู้???
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น