ตอนที่ ๑๗ สู่ยอดเขา พบเทพชี้ทาง เด็กซนทำเรื่อง และ การบรรลุธรรม

 

สามวันต่อมาคณะเดินทางของไต้ซือเมี่ยวซ่านก็ขึ้นสู่ยอดเขาได้สำเร็จ พบป้ายศิลาตั้งตระหง่านอยู่เหนือศีรษะ มีตัวหนังสือสลักว่า”แดนชนะ”ทั้งสามปีติยินดียิ่งและก้มลงกราบป้ายศิลาคนละครั้งแล้วเดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งลี้ ก็พบชะง่อนหินโค้งคล้ายหลังคาซึ่งให้ร่มเงาแก่ลานหินกว้างด้านล่างอย่างดี บนลานหินนี้เองมีผู้เฒ่าคิ้วยาว หนวดยาวสีขาวดังปุยสำลีผู้เฒ่าทอดแววตาแจ่มใสและเมตตามองมายังคณะผู้เดินทาง เมี่ยวซ่านไต้ซือคิดว่าผู้อาวุโสนี้หากมิใช่พระพุทธองค์แปลงกายมาโปรดก็ต้องเป็นผู้สำเร็จธรรมชั้นสูง จึงพาศิษย์เข้ากราบคารวะขอคำชี้แนะแนวทางแห่งการหลุดพ้น ผู้เฒ่าคิ้วยาวกล่าวว่า "ดีจริงๆ พวกเจ้าลำบากสาหัสในการเดินทางก็ยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ เราคือเทพไท่ไป๋ มารอเพื่อจะบอกว่า ธรรมอันวิเศษแท้จริงแล้วมิได้อยู่ที่นี่"เมี่ยวซ่านไต้ซือถามว่buddhismsawadeeblogspot.comา"ขอผู้อาวุโสโปรดช่วยชี้ทางหลุดพ้นจากกิเลสเถิดเพราะแต่เดิมมีท่านนักพรตนามโล้วนาปู้เจี้ยนกล่าวว่าต้องมาขอพรต่อดอกบัวหิมะในดินแดนแห่งนี้จึงจะพบผลสำเร็จที่แท้จริง"ผู้เฒ่าคิ้วยาวจึงว่า"เขาเล่นทิ้งปริศนาไว้พวกเจ้าจึงต้องดั้นด้นมาจนถึงเขาลูกนี้ เราจะแจ้งให้รู้ก็ได้ว่า ปางก่อนเจ้าเป็นพระผู้เมตตามุ่งมั่นช่วยชาวโลกให้พ้นทุกข์ กระทั้งจุติในอาณาจักรซิงหลิงก็ยังไม่ทิ้งความตั้งใจเดิม ทั้งยังสร้างบารมีเต็มเปี่ยมไม่ช้านี้เจ้าจะบรรลุธรรม ส่วนดอกบัวหิมะนั้นมีคนนำไปยังเกาะโปตละโลกาเพื่อสร้างแดนอันสงบสุขสำหรับเจ้า ซึ่งเจ้าจะได้สัมผัสในอีกไม่นานนี้ ส่วนศิษย์ผู้ติดตามทั้งสอง บารมียังไม่ถึงขั้นต้องบำเพ็ญธรรมอีกระยะหนึ่งก็จะบรรลุเช่นกัน"เทพไท้ไป๋กล่าวต่อไปว่า "หลังจากนี้เจ้าจงเข้าใจหลักธรรมด้วยตนเองเพราะเราเพียงช่วยสะท้อนให้เจ้าเข้าใจหนทางเท่านั้น" ครั้นแล้วเทพไท้ไป๋จึงหยิบแจกันหยกขาวยื่นให้เมี่ยวซ่านไต้ซือพลางว่าหากพบว่าในแจกันนี้มีน้ำขังและมีกิ่งหลิวโผล่ขึ้นมา แสดงว่าวันนั้นคือวันที่เจ้าจะบรรลุธรรม”ไต้ซือเมี่ยวซ่านรับแจกันมาแล้วจึงคารวะอำลาเทพไท้ไป๋หนทางกลับในคราวนี้มิได้ลำบากเลยผิดกับขามาลิบลับ ทั้งสามเพียงแต่มุ่งหน้าขึ้นเหนือไม่หลงทางไม่พบอุปสรรค เมี่ยวซ่านไต้ซือกล่าวว่า "เพราะบัดนี้เราสงบแล้วทั้งกาย ใจ ประกอบกับความกระจ่างแจ้งแห่งธรรมว่า ธรรมอันวิเศษสามารถช่วยให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารสู่นิพพานได้"ในที่สุดคณะเดินทางก็กลับมาถึงเชิงเขาเยี้ยม้อซานในอาณาจักรซิงหลิง บรรดาชาวบ้านร้านตลาดต่างเปล่งเสียงไชโยดังกระหึ่ม เหล่าภิกษุณีตีระฆัง และตั้งขบวนรับอยู่ที่เชิงเขา ต่างเข้ามาห้อมล้อมต้อนรับอย่างยินดี เมื่อสู่ลานประชุมทุกคนซักถามถึงการเดินทางจากเมี่ยวซ่านไต้ซือต่างฟังเรื่องราวทุกเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น อุทานอมิตตาพุทธอยู่ไม่ขาดปาก บ้างก็กล่าวว่า พุทธบารมีคุ้มครองขบวนนักเดินทางให้ปลอยภัย
ครั้นแล้วไต้ซือได้นำแจกันหยกขาวออกมาวางใกล้ๆพระพุทธรูป ทุกคนที่ฟังรู้ทันทีว่าแจกันนี้คือของวิเศษล้ำค่า ต่างเฝ้ารอคอยอย่างจดจ่อว่าเมื่อใดที่จะมีน้ำทิพย์เต็มเปี่ยมและกิ่งหลิวโผล่ขึ้นมา อันหมายถึงจะเป็นวันที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านจะบรรลุธรรมแห่งความหลุดพ้นระหว่างที่ไต้ซือเล่าเรื่องราวการเดินทางอยู่นั้นเอง มีคนภายนอกมายืนออฟังเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีเด็กน้อยเจ้าปัญญาแต่ซุกซนและดื้อรั้นจนเป็นที่เลื่องลือนามว่า เซิ่นอิง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เด็กผีจอมซน ได้ฟังด้วย เซิ่นอิงคิดตามประสาเด็กฉลาดว่าแจกันเปล่าๆ ตั้งอยู่อย่างนั้นย่อมไม่มีทางที่จะมีน้ำเต็มได้ ดังนั้น ไต้ซือย่อมไม่อาจบรรลุมรรคผลได้จริง พลันเขาก็คิดแผนการขึ้นมาอย่างหนึ่งโดยไม่ปริปากบอกใคร เซิ่นอิงมาเที่ยวเล่นในวัดบ่อยๆ จนสืบรู้ว่าแจกันหยกขาวอยู่หน้าพระประธานในห้องวิปัสสนา เวลากลางวันก็จะมีคนนั่งเข้าฌานอยู่เต็ม ตกค่ำประตูหนาหนักก็จะปิดสนิทยากที่คนนอกจะเข้าไปได้ จอมแสบรายนี้จึงรอวันเวลาที่เอื้ออำนวยต่อแผนการของตนอย่างจดจ่อวันหนึ่งเซิ่นอิงคิดหาวิธีเข้าไปแอบในวัดโดยไม่ให้คนล่วงรู้ แอบเก็บน้ำสะอาดและกิ่งหลิวไว้ในที่ลับตา จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บฟืนจุดไฟขึ้นเผาฟืนกองหนึ่งแล้วตนเองก็แอบออกมา ชั่วครู่ไฟก็ลุกไหม้ห้องเก็บฟืนควันโขมง ภิกษุณีลูกวัดต่างร้องตะโกนให้มาช่วยกันดับไฟ ทุกคนรีบคว้าถังตักน้ำมาช่วยกันดับไฟ ห้องวิปัสสนาจึงว่างเปล่า เด็กจอมซนรีบแอบเข้าไปปีนขึ้นโต๊ะบูชากรอกน้ำใส่ในแจกันและปักกิ่งหลิวอย่างบรรจง เซิ่นอิงพึงพอใจในผลงานของตนมาก รีบเช็ดรอยเท้าไม่ให้เหลือรอย ก่อนจะกระโดดแผ่นหนีหายไปขณะนั้นชาวบ้านและสานุศิษย์ที่เชิงเขาต่างกรูกันมาช่วยดับไฟคนละไม้ละมือ เซิ่งอิงฉวยถังไม้ได้ใบหนึ่ง เข้ามารวมกลุ่มช่วยชาวบ้านดับไฟเช่นทุกคน ในใจก็คิดรอเวลาเยาะเย้ยไต้ซือที่ชาวบ้านชื่นชมบูชา หลงคิดว่าแจกันมีน้ำทิพย์และกิ่งหลิวเกิดขึ้นเองแล้วโอ้อวดว่าตนบรรลุมรรคผล เซิ่นอิงคนนี้ล่ะจะเปิดโปงความลวงโลกของไต้ซือเอง อนิจจา ! เด็กน้อยผู้ไม่รู้ประสา ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนได้กระทำนั้นจะบังเกิดผลอันใดตามมา ...ครั้นไฟสงบลงทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ไม่มีใครได้เข้าไปหรือเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแจกันในห้องวิปัสสนาเลยจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ภิกษุณีผู้ทำความสะอาดโต๊ะบูชาพบความผิดปกติในแจกันหยกขาว ก็ดีใจจนลืมหน้าที่เช็ดถู รีบวิ่งออกมาจะรายงานพระผู้ใหญ่จนชนกับย่งเหลียนที่สวนทางมา เมื่อบอกเหตุที่ตนดีใจจนผิดปกติแล้ว ย่งเหลียนยินดีเป็นอันมากรีบเข้ามาหาไต้ซือที่กุฏิ เมื่อพบหน้ากัน ไต้ซือกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า "ย่งเหลียนเอ๋ย เจ้ามาพอดีเรากำลังจะเรียกเจ้ามาบอกข่าวว่า เมื่อคืนนี้ขณะที่นั่งสมาธิอยู่เราก็รู้สึกว่ามีดอกบัวขาวบานอยู่ในใจ จึงคิดว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่เราสำเร็จมรรคผล" ย่งเหลียนขนลุกวาบด้วยความตื่นเต้นและปลาบปลื้มกล่าวว่า "หม่อมฉันรีบมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกว่าบัดนี้แจกันหยกขาวมีน้ำอยู่เต็มปรี่และปรากฏกิ่งหลิวปักอยู่อย่างน่าอัศจรรย์เพคะ" ไต้ซือและพระน้านางฟังอย่างยินดี แล้วจึงให้จัดห้องปฏิบัติธรรมปลีกวิเวกเพื่อปลงสังขารในวันนั้นเอง (ปลงสังขาร หมายถึง การละจากร่างมนุษย์ หรือการตาย)ไต้ซืออาบกวนอิม น้ำด้วยแก่นจันทร์หอม เปลี่ยนผ้ากาสาวพัสตร์ พร้อมสำหรับการนั่งสมาธิมรณภาพปลงสังขาร เมื่อเข้ามายังห้องปฏิบัติธรรมก็พบเหล่าภิกษุณีลูกวัดเคาะกะโหลกไม้สวดมนต์อยู่ก่อน ไต้ซือเมี่ยวซ่านเข้าประจำที่เริ่มนั่งวิปัสสนาตั้งแต่ปฐมฌานสู่วิมุตติฌาน เวลานั้นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบนั้นต่างรับรู้ข่าวไต้ซือจะสำเร็จเป็นพุทธะ ต่างมานมัสการรอดูความสำเร็จของไต้ซือที่พวกตนเคารพเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนี้มีเจ้าเซิ่นอิงจอมซนรวมอยู่ด้วย เด็กน้อยแปลกใจมากเบียดแทรกเข้าไปยืนดูอย่างถนัดตา ในใจก็รู้สึกขบขันไต้ซือที่ทำท่าเหมือนเคลิ้มหลับ เพราะบทสวดมนต์ยืดยาว จึงคิดจะแกล้งให้ไต้ซือโกรธจนตบะแตก เหมือนที่เคยแกล้งผู้ใหญ่คนอื่นๆ สำเร็จมาแล้วคิดแล้วเซิ่นอิงก็แทรกมายืนตรงหน้าไต้ซือพอดี ร้องตะโกนใส่หน้าเสียงดังแล้วกระโดดขึ้นขี่คอ คว้าไม้เคาะสวดมนต์ฟาดลงไปกลางศีรษะไต้ซือดังเปรี้ยง ! คนรอบข้างต่างตกใจหน้าซีด แต่ไม่อาจมีใครขัดขวางเหตุการณ์อันรวดเร็วนี้ได้ เสียงอุทานร้องตกใจดังขึ้นพร้อมๆ กัน ฉับพลันได้มีสายสีแดงคล้ายเลือดพุ่งขึ้นจากศีรษะของไต้ซือ ทุกคนคิดว่าไต้ซือหัวแตกเสียแล้ว ทว่าแสงสีแดงนั้นเปล่งรัศมีลอยสูงขึ้นๆ และรวมตัวเป็นรูปธรรมของไต้ซือเหนือร่างกายเนื้อเบื้องล่าง ไต้ซือเมี่ยวซ่านนุ่งผ้ากาสาวพัสตร์ เท้าเปลือยเปล่า มือถือแจกันที่มีกิ่งหลิวโผล่มา ทุกคนต่างเปล่งเสียงสาธุในความอัศจรรย์ครั้งนี้ทั้งนี้เป็นเพราะความซุกซนของเซิ่นอิงเป็นเหตุแท้ๆ เนื่องด้วยจิตวิญญาณของไต้ซือบรรลุธรรมนานแล้ว แต่ไม่สามารถละสังขารเดิมได้ เพราะควันธูปและฝูงชนปะปนมากมาย กระทั่งมีสิ่งภายนอกมากระทบ นั่นคือไม้ของเซิ่นอิงทำให้ทวารเปิดออกในทันที จิตจึงละสังขารได้ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นความบังเอิญแต่ก็มีเหตุผลในตัวของมัน เนื่องมาจากเซิ่นอิงนั้นจริงๆ แล้วเป็นประทีปแห่งกุศลทางทิศใต้ มาจุติเป็นผู้มีบุญและเชาวน์ปัญญาดีเลิศ และครั้งนั้นเซิ่นอิงก็รู้สึกสว่างไสวในธรรมภายในเวลาอันสั้น สำนึกตนและเคร่งอยู่ในศีลธรรมมากกว่าใครในบัดดล

ไม่มีความคิดเห็น: