ยุคสมัยเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าชีวิตในสมัยก่อนต้องสู้ทนต่อความยากลำบากสักแค่ไหน แต่ก็กลายเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนจนถึงปูนนี้ยังยอมเป็นวัวเป็นควายรับใช้ลูกอย่างไม่ย่อท้อ ในเมื่อเจ้ายอมทำเพื่อลูกได้ก็ไม่ต้องบ่นไม่ต้องขุ่นเคืองต่อความทุกข์ยากที่เจ้าได้รับ ขอเพียงเจ้าย้อนกลับไปคิดสักนิดว่า เมื่อก่อนเจ้าปฏิบัติต่อพ่อแม่เช่นไร ต้องรอจนวันหนึ่งที่สองมือของเจ้าอุ้มลูก เลี้ยงลูกจึงจะเข้าใจถึงหัวอกของพ่อแม่ใช่หรือไม่??? มักพูดกันว่า อีกามันรู้จักคาบเหยื่อมาป้อนแม่ของมันที่แก่ชรา นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่เป็นสัตว์ประเสริฐ ยังแย่กว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก หรือว่ามัวห่วงแต่เรื่องผลประโยชน์จนลืมเรื่องที่สมควรทำ ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าจะต้องแสดงความกตัญญูอย่างไร แม้ว่าพวกเจ้าอายุจะมากขึ้น พ่อแม่ก็ล่วงลับไปแล้ว แต่ทว่าหากในชาตินี้ เจ้าทำในสิ่งที่ดีก็สามารถคุ้มครองพ่อแม่ได้เช่นกัน ศิษย์เอ๋ย อาศัยวันเวลาที่ยังมีกายสังขารนี้ไปบำเพ็ญปฏิบัติธรรมดีกว่าไหม ศิษย์ของพระอาจารย์เป็นสุภาพบุรุษ หากพวกเจ้าเป็นลูกเขยจะปฏิบัติต่อพ่อตาแม่ยายเช่นเดียวกับพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเจ้าหรือไม่ มีศิษย์บางคนเมื่อประสบปัญหาก็ไม่มีเหตุผล ปัดโทษความผิดให้กับพ่อตาแม่ยาย ในที่สุดคนก็โจษจันและรู้กันไปทั่วถึงข้อเสียของเจ้า ทำให้คนอื่นพูดเอาได้ว่าทำไมลูกศิษย์ของพระอาจารย์จี้กงจึงเป็นเช่นนี้ ศรัทธาอะไรกัน อาจารย์ก็ไม่กล่าฟังต่อแล้ว T_T นั่นเป็นการทำลายชื่อเสียงของธรรมะและชื่อเสียงของตัวเจ้าเอง รู้หรือไม่ หากอีกฝ่ายไม่บำเพ็ญธรรม ไม่เข้าใจธรรมะ ไม่ว่าจะอย่างไรก็อย่าไปเสนอความเห็นอะไรมากจนเกินพอดี ทำใจให้กว้างดั่งผืนฟ้าและมหาสมุทร ใช่หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังฝึกฝนเลียนแบบพระอาจารย์ จะฝึกฝนก็ต้องฝึกฝนให้ตลอด ไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆแล้วบอกว่า “จี้กงนั้นอนุเคราะห์ชาวโลก เรานั้นอนุเคราะห์ตัวเอง” ไปเสียอย่างนั้น ดังนั้นการบำเพ็ญเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ ผู้หญิงก็เช่นกันอย่าทำตัวไม่เอาไหน พวกเจ้าได้มาพบซึ่งโอกาสดีในครั้งนี้ทันยุคสุดท้าย ล้วนเป็นเพราะบารมีธรรมของบรรพชน แม้ว่าจะแต่งงานออกเรือนไปแต่ก็สามารถบำเพ็ญได้เช่นเดียวกับบุรุษ ให้คิดเสียว่าพ่อแม่สามีก็คือพ่อแม่ของเรา มีความกตัญญูต่อท่าน ทำเช่นนี้ดีหรือยัง ?? ความหมายของชีวิตอยู่ที่ไหน คือทรัพย์สินเงินทองใช่ไหม ชีวิตมนุษย์ไม่พ้นเรื่องเงินเป็นใหญ่และเป็นเป้าหมายสูงสุดใช่หรือไม่ ถ้าหากเจ้าไม่มาศึกษาธรรมเพื่อค้นคว้าหาความหมายที่แท้จริงและหนทางทางที่แท้จริงของชีวิต แล้วเจ้าจะเข้าใจถ่องแท้ได้อย่างไร แม้แต่เรื่องความกตัญญูเจ้าก็ยังไม่ชัดเจนเลย การที่พ่อแม่เลี้ยงดูฟูมฟักให้ลูกเติบโตขึ้นมาได้แต่ละคนนั้นรู้ไหมว่าต้องลงทุนลงแรงไปเท่าไร ผ่านความยากลำบากสักเพียงไหน คนที่เป็นลูกไม่เข้าใจหัวอกของพ่อแม่ได้หมด ในโลกนี้มีสองด้าน มีทุกข์และมีสุข มีเจริญ
และเสื่อมถอย มีเกิดมีดับ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแค่เพียงชั่วพริบตา แล้วมีสิ่งใดบ้างที่เป็นของเจ้าถาวร แม้แต่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเจ้าที่สุด หยิบเอาได้ง่ายที่สุด หลุดไปได้ง่ายดายเช่นกัน ดังนั้น จงยินดีในสิ่งที่เจ้ามีอยู่ในขณะนี้และถนอมรักษาบุญวาสนาไว้ให้ดี เคยคิดไหมว่าบุญคุณของพ่อแม่ยิ่งใหญ่ดังท้องฟ้ากว้างดั่งทะเล แล้วเราจะตอบแทนอย่างไรได้หมดสิ้น พระอาจารย์หวังว่าพวกเจ้าจะแสดงซึ่งความกตัญญูกตเวทิตาออกมา หากพ่อแม่จากเราไปโอกาสที่คิดจะตอบแทนบุญคุณก็ไม่มีอีกแล้ว “ต้นไม้อยากหยุดนิ่งแต่สายลมก็ไม่หยุดพัด ลูกอยากอยากจะปรนนิบัติรับใช้แต่พ่อแม่ก็ไม่อยู่เสียแล้ว” เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดใจอย่างมาก ดังนั้น เมื่อพ่อแม่ยังอยู่ต้องรู้จักกตัญญูตอบแทนคุณท่านทั้งสอง หากพ่อแม่ไม่อยู่เสียแล้วก็ปฏิบัติในมหากตัญญูอันสูงสุดคือดำเนินอยู่ในครรลองธรรม สร้างความดีทิ้งชื่อไว้ในโลก อีกทั้งเป็นการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นความกตัญญูที่สูงสุด พระอาจารย์หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจและทำได้ ฉะนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็รีบกระทำ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง ดีไหม ??……………….. Everthing can be change,If you think …… ^-^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น