เมื่อแต่งงานเข้าไปอยู่กินเป็นครอบครัวใหม่ ตามประเพณีลูกสะใภ้จะต้องดูแลปรนนิบัติพ่อและแม่ของสามีเช่นดั่งพ่อแม่ของตน รู้ใช่ไหม ตื่นขึ้นมาต้องรู้จักทักทาย จัดการงานบ้านงานเรือน อย่าทำให้พ่อและแม่สามีพูดได้ว่า “ได้คนบำเพ็ญธรรมเป็นลูกสะใภ้ แล้วทำไมกลับกลายเป็นแบบนี้” ต่อให้มีใจบำเพ็ญธรรมก็จะต้องดำเนินควบคู่ทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องดูแลครอบครัวให้ดีอย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อธรรมะที่เจ้ากำลังบำเพ็ญ หากเจ้าไม่ทำหน้าที่ของลูกสะใภ้ให้ดี แม่สามีต้องการให้เจ้าอยู่เฝ้าบ้านแต่เจ้าก็ไม่อยู่ บางครั้งเจ้าก็บ่นว่า “ใครก็อยากมีอิสระทำไมต้องมาบังคับฉันอยู่เฝ้าบ้านด้วยเล่า”??? ทำไมไม่คิดกลับกันดูบ้าง หากตัวเจ้าเป็นแม่สามีเจ้าชื่นชอบที่จะให้ลูกสะใภ้ของตนเองออกไปเที่ยวเตร่อยู่นอกบ้านทุกวันอย่างนั้นหรือ เอาใจเขามาใส่ใจเราครอบครัวก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข การเป็นคนนั้นทุกข์ ที่เป็นทุกข์ก็เพราะจิตใจคนมีกิเลสตัณหามากมาย ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักถนอมบุญ ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกว่าชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ หากรู้จักพอเจ้าก็จะใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขจนถึงบั้นปลาย อย่าได้มีจิตใจคิดเปรียบเทียบเลย เจ้าก็สามารถมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องเผชิญขวากหนาม เจ้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ ในหมู่คนนั้น คนประเภทไหนที่เข้ากันยากที่สุด ตั้งแต่โบราณมา ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ยากที่เข้ากันได้ เหมือนมีกำแพงขวางกั้น ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเป็นเช่นนั้นหรือไม่??? พวกเจ้าส่วนใหญ่แล้วล้วนมีแม่น้ำสายใหญ่ทั้งลึกและกว้างกั้นอยู่ จะกระโดหรือข้ามก็ไม่พ้น คิดดูสิว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ลูกสาวของตนก็ยังเป็นลูกสาวของตน ลูกสาวของคนอื่นฉันไม่ได้เป็นคนคลอดออกมาสักหน่อย คนเป็นแม่ต้องอุ้มท้องเก้าเดือนถึงจะให้กำเนิดลูกน้อยออกมาดูโลก ดังนั้นพวกเจ้าให้ความรักความเอ็นดูกับลูกสะใภ้บ้างเถิดหนา แม้บางครั้งแม่สามีอาจไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ลูกสะใภ้ก็อาจมีผิดบ้าง ทำไมพวกเจ้าไม่หันหน้าคุยกันดีๆ หาทางออกที่ดี ไยต้องก่อให้เกิดเรื่องระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้จนเลยเถิดแก้ไขไม่ได้ ถึงจะยุติอย่างนั้นหรือ??? มิน่าเล่าแม่น้ำสายนี้ยิ่งมายิ่งลึก ไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้ หากเจ้าให้ความเอ็นดูลูกสะใภ้ไม่ต่างกับลูกตนเองก็จะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ลิ้นกับฟันย่อมมีกระทบกันเป็นธรรมดา นับประสาอะไรกับคนที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน จะให้คนอื่นตามใจเจ้าอยู่ทุกเรื่องได้อย่างไร วันนี้เจ้าทานเจ หากให้เจ้าออกเรือนไปอยู่ในครอบครัวที่ไม่ทานเจ เจ้ากล้าไปหรือไม่ ไม่กล้าใช่ไหม กลัวว่าจะเกิดปัญหาไม่สิ้นสุดใช่หรือไม่ กลัวว่าตัวเองขะแบกรับไม่ไหว แล้วทุศีลเจแตก ใช่ไหม เพราะความกลัวเหล่านี้จึงทำให้เจ้าไม่กล้า อาจารย์มีศิษย์คนหนึ่ง เขาแต่งงานไปอยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้ทานเจ พวกเจ้าบอกว่าเมื่อกินเจแล้วอย่าไปแตะต้องเนื้อสัตว์ อาหารคาว อย่าไปหั่นเนื้อใช่ไหม พวกเจ้าพูดกันแบบนี้ใช่หรือไม่ แต่เมื่อเขาแต่งงานไปในครอบครัวนั้นแล้วด้วยหน้าที่ของลูกสะใภ้จะต้องทำอาหารด้วยใช่หรือไม่ ถึงตอนนั้นจะทำอาหารเจให้พ่อและแม่สามีทานหรือว่าจะทำอาหารคาวล่ะ สมควรจะทำอาหารคาวไหม เขาจึงทำอาหารเจให้ตัวเองและทำอาหารคาวให้คนในครอบครัวทาน หกเจ็ดปีผ่านไปภายในพริบตา จิตใจเช่นนี้ยิ่งใหญ่ใช่ไหม เขาประพฤติปฏิบัติให้ผู้คนได้ประจักษ์ เขาเป็นตัวแทนแห่งธรรม เขาเป็นตัวแทนของผู้บำเพ็ญธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้นตอนเขาก็มีสภาพที่ดีขึ้น การกระทำของเขาได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัว จนเดี๋ยวนี้คนในครอบครัวต่างก็หันมายืนข้างเดียวกับเขา กินเจร่วมกันอย่างมีความสุข การที่เขาทำเช่นนี้เป็นการครองเรือนที่ดีใช่หรือไม่??? จิตเมตตานั้นเกิดขึ้นได้ง่าย รักษาไว้ให้คงอยู่ยาก เหมือนกับการโปรดคนนั้นง่าย แต่การส่งเสริมคนไม่ง่ายเลย เพราะว่าเจ้าไม่มีความอดทน หลังจากที่เจ้าเกิดจิตเมตตาแล้วเจ้ากลับไม่สามารถเห็นถึงคุณค่าของจิตเมตตานี้ ได้แค่จมปลักอยู่ในความคิดแคบๆ “ฉันกินเจแล้ว ไม่อยากเกี่ย
วกรรมกับการฆ่า จะให้ฉันหั่นเนื้อทำกับข้าว ฉันทำไม่ได้ๆๆๆ มันเป็นบาปเป็นกรรม ฉันไม่อยากแปดเปื้อนมลทิน” เป็นอย่างนี้หรือเปล่า หากว่าเจ้าสร้างบาปก็จริงอยู่ แต่ได้ส่งเสริมบรรพชนและลูกหลานของพวกเขาให้หลุดพ้นได้ แล้วเจ้าจะยินยอมไหม มนุษย์เอ๋ย!!!!! เมื่อยังไม่ผจญเหตุเภทภัยก็นิ่งนอนใจ ต่อเมื่ออันตรายมาถึงจิตใจก็หวดผวาคิดจะหนีก็หนีไม่พ้นเสียแล้ว เจ้ายังจะกล้าไปแบกรับภาระหน้าที่อะไรอีก บางครั้งเจ้าอาจจะมีบุญสัมพันธ์กับครอบครัวเขา บรรพชนและลูกหลานในครอบครัวเขาต่างต้องการให้เจ้าไปส่งเสริมให้พวกเขาเข้าใจในสัจธรรม บำเพ็ญจิตหล่อเลี้ยงธรรมญาณ ดังนั้น เจ้าจึงจำเป็นต้องเดินไปบนทางแห่งขวากหนามเส้นนี้จึงจะสามารถเข้ากับครอบครัวเขาได้ อาศัยพลังของเจ้าเพียงคนเดียวไปผลักดันครอบครัวเขา ดังนั้น ตนเองจะต้องหนักแน่นมั่นคงเสียก่อน เหมือนกับคนที่เป็นพ่อแม่จะต้องสร้างครอบครัวให้มีคุณสมบัติครบถ้วนเสียก่อนจึงจะอบรมสั่งสอนลูกหลานให้เพียบพร้อมสมบูรณ์ได้ เช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ต้องเข้าใจในหลักการและเหตุผลอย่างถ่องแท้และมากด้วยประสบการณ์จึงสามารถสอนคนรุ่นต่อไปให้ประสบความสำเร็จได้ ส่วนพวกเราที่ยืนแถวหน้าของอาณาจักรธรรม หากมีความคิดที่ไม่ถูกต้อง อาณาจักรธรรมย่อมเกิดปัญหาใช่หรือไม่ คำพูดของพวกเจ้าที่ว่า “กินเจสามารถลบล้างหนี้กรรม” ถ้าเช่นนั้นอาศัยเพียงแค่การกินเจและตั้งปณิธานถวายฎีกาก็สามารถทำให้หนี้กรรมของเจ้าลบล้างไปได้อย่างนั้นหรือ??? หากเขาทานเจและตั้งปณิธานแล้ว แต่ว่าคนในครอบครัวเขาต่อต้าน เจ้าก็ไปบอกเขา “ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง พยายามกินต่อไป อย่าให้มารทดสอบมาทำให้ความตั้งใจของเราล้มเหลวลงไปได้”!!!!! พวกเจ้าพูดเช่นนี้ใช่ไหม?? หรือไม่อย่างนั้นก็พูดว่า “ จิตใจจะต้องแน่วแน่ กล้าที่จะเผชิญกับพ่อแม่ให้ได้ แม้ท่านจะรักเราเป็นผู้เลี้ยงเรามาก็ตาม” คำพูดเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ เจ้าสามารถพูดเช่นนี้ได้ เพราะว่าคนที่ต้องเผชิญไม่ใช่เจ้า แต่เป็นเขาต่างหาก ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเจ้า เจ้าจึงสามารถพูดได้อย่างสบา
ยใจ เพราะคนที่จะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าแต่เป็นเขา เจ้าก็เลยพูดอย่างมักง่าย เช่นนี้แล้วเจ้าได้เอาใจเขามาใส่ใจเราหรือเปล่า มีจิตเมตตาหรือเปล่า การตั้งปณิธานทานเจ ไม่เกี่ยวกรรมกับวิญญาณสัตว์เหล่านั้นก็เปล่าประโยชน์ การไม่กินเนื้อสัตว์แสดงถึงเมตตาธรรม แต่ในความจริงนั้นเล่าเจ้าได้ถนอมบุญสัมพันธ์ที่มีระหว่างเจ้ากับญาติพี่น้องให้สมบูรณ์พร้อมหรือยัง ยังทำไม่ได้ ในชาตติพวกเราไม่ทำให้บุญสัมพันธ์นี้สมบูรณ์ อนาคตก็จะก่อเกิดเป็นกรรมสัมพันธ์ นี่เป็นหลักขั้นพื้นฐานแต่พวกเจ้ากลับมองข้าม มัวแต่ไปค้นในคัมภีร์ พวกเจ้าจะต้องระลึกและตระหนักไว้อยู่เสมอว่า “ได้ลงมือ ปฏิบัติอย่างจริงจังหรือยัง ทำเรื่องที่สมควรทำแล้วหรือยัง “??? ทำไมจึงต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ก็เพราะว่าในอาณาจักรธรรมพวกเจ้าพูดย้ำถึงหลักโครงสร้างสาม สัจจะห้า คุณสัมพันธ์ห้าคุณธรรมแปด แต่ว่าได้กระทำจริงหรือไม่ ครอบครัวของตนเองยังดูแลได้ไม่ดีพอ อาจารย์เชื่อได้เลยว่าเจ้าก็ไม่สามารถดูแลเวไนยได้ “ยืนหยัดตัวเองเสียก่อน จึงสามารถยืนหยัดผู้อื่นได้” อะไรคือพื้นฐานของประเทศชาติ อะไรคือพื้นฐานของครอบครัว หากเริ่มต้นไม่มีพ่อแม่ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยความทุ่มเทเหนื่อยยาก แล้วจะมีเจ้าในวันนี้ที่เติบโตขึ้นท่ามกลางสภาพที่มั่นคงได้อย่างไร เริ่มจากคนอื่นรับผิดชอบตัวเจ้า แล้วทำไมวันนี้ เจ้าจึงไม่สามารถรับผิดชอบคนรุ่นต่อไปได้ พวกเราจะต้องมีความสุขและภูมิใจที่ได้แบกรับความทุกข์ยากของเวไนย์ทั้งหลาย เมื่อเจ้าและเขาได้ตกลงปลงใจเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พวกเจ้าจะต้องช่วยกันแบ่งเบาและแบกรับภาระครอบครัวของกันและกัน นี่เป็นบุญสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเขาและตัวเจ้า บางทีคนในครอบครัวอาจจะไม่สนับสนุนให้เจ้าทานเจ เจ้าก็ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีรู้หรือไม่ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าการทานเจมีอะไรที่ไม่ดีบ้าง การบำเพ็ญธรรมมีอะไรไม่ดีบ้าง ใช่หรือไม่??? หากว่าเจ้ายิ่งบำเพ็ญร่างกายยิ่งอ่อนแอ แล้วจะยังมีใครกล้ามาบำเพ็ญธรรมร่วมกับเจ้าอีก เจ้าจะกินเจ จิตใจอของเจ้าต้องพร้อมที่จะกินเจเสียก่อน หากว่าสิ่งแวดล้อมในครอบครัวไม่เอื้อต่อการกินเจก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญขอให้จิตใจของเจ้าพร้อมจะกินเจเสียก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น