ความซื่อตรง ในที่นี้จะกล่าวจำแนกเป็น 3 ประการคือ ความซื่อตรงต่อราชการประการ 1 ความซื่อตรงต่อหน้าประการ 1 และความซื่ออตรงต่อตำแหน่งของตนประการ 1 ในข้อที่กล่าวว่าความซื่อต่อราชการนั้นจะต้องชี้แจงให้เข้าใจว่าอะไรเป็นราชการ ราชการแปลว่า การของพระราชา คือ การอันเป็นหน้าที่ของพระเจ้าแผ่นดินที่จะต้องทรงเป็นพระราชธุระปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและพระราชอาณาจักรผู้เป็นข้าราชการก็คือผู้ที่พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงเลือกสรรยกย่องให้เป็นผู้ช่วยทำราชการความมุ่งหมายของราชการนั้นจำแนกโดยใจความเป็น 3 ประการคือ 1. ที่จะให้คนทั้งหลายในพระราชอาณาจักรอยู่เย็นเป็นสุข และเป็นปกติมิให้เบียดเบียนซึ่งกันและกันประการหนึ่ง 2. ที่จะให้พระราชอาณาจักรเจริญบริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์และสิ่งซึ่งเป็นเครื่องเกื้อกูลแก่ความสุขสำราญของคนทั้งหลายประการหนึ่ง 3. ที่จะปกกันและรักษาความเป็นอิสรภาพของพระราชอาณาจักรกล่าวคือ ที่จะให้พระราชอาณาจักรนี้คงอยู่ในความปกครองของพระเจ้าอยู่หัวมิให้ชาติอื่นมาย่ำยีได้ประการหนึ่ง ที่เรียกว่าราชการรวมอยู่ในความมุ่งหมาย 3 ประการที่อธิบายมานี้ผู้ที่ทำราชการ ไม่ว่าทำในต่ำแหน่งหรือหน้าที่มีบรรดาศักดิ์ใหญ่น้อยเพียงใด ย่อมทำราชการเพื่อประโยชน์ 3 ประการนั้น ราชการที่แบ่งเป็นหลายกระทรวง เช่นฝ่ายทหารบ้าง ฝ่านพลเรื่อนบ้างก็ดี หรือที่แบ่งต่างกันเป็นฝ่ายธุรการและตุลาการก็ดีหรือที่แบ่งเป็นพนักงานมีหน้าที่ต่างกันก็ดี สักแต่ว่าเป็นสาขาแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อความสะดวกของราชการแต่เมื่อรวมลงก็คงเพื่อประโยชน์ของราชการที่มีใจความ 3 ประการดังจำแนกมานั้น ความซื่อตรงต่อราชการคือ ความปลงใจและประพฤติโดยมุ่งหมายมั่นคงให้การทั้งปวงอันอยู่ในหน้าที่ของตนหรือที่ตนพึงจะกระทำได้ ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของราชการ นั่นแหละชื่อว่าความซื่อตรงต่อราชการ เมื่อว่าโดยความประพฤติในความซื่อตรงต่อราชการนั้นก็คือที่จะคิดหรือทำการอันใด ต้องเพ่งต่อประโยชน์ของราชการ กล่าวคือ ความสุขสำราญของมหาชนทั่วไป ความเจริญของบ้านเมืองและความป้องกันรักษาอิสรภาพของพระราชอาณาจักรเป็นยิ่งกว่าประโยชน์ตน หรือประโยชน์เอกชนอื่นๆ และพึงระวังอย่าให้ความคิดและการที่กระทำเป็นเครื่องเสื่อมเสียประโยชน์ของราชการที่ว่านี้ได้เป็นอันขาด ความซื่อตรงหน้าที่นั้นคือ เมื่อตนได้รับราชการในหน้าที่ใดต้องตั้งใจทำเพื่อให้ราชการในหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ถึงว่าจะเป็นความลำบากยากเหนื่อยแก่ตนเพียงไรหรือแม้ที่สุดจะต้องเข้าไปใกล้ต่ออันตรายเท่าใดก็ไม่ละทิ้งหน้าที่และไม่ปล่อยให้ราชการในหน้าที่ของตนเสื่อมเสีย นี่แหละชื่อว่าความซื่อตรงต่อหน้าที่ หน้าที่นั้นให้พึงเข้าใจว่าเป็น 3 ขั้นโดยลำดับกัน คือหน้าที่ในตำแหน่งของตนชั้นหนึ่ง หน้าที่ที่ตนเป็นข้าราชการชั้นหนึ่ง และหน้าทีที่ตนเป็นข้าแผ่นดินชั้นหนึ่งหน้าที่ทั้ง 3 ขั้นนี้เป็นลำดับขั้นกันโดยอธิบายว่า หน้าที่ในต่ำแหน่งนั้นคือ หน้าที่เฉพาะต่ำแหน่งของตนในราชการเช่นตนเป็นพนักงานคลังย่อมมีหน้าที่ในการทำบัญชีและรับเก็บจ่ายเงินหลวง การเหล่านี้เป็นหน้าที่ของตนโดยเฉพาะ ผู้มีต่ำแหน่งอยู่ในพนักงานใดต้องถือว่าหน้าที่ของตนในพนักงานนั้นเป็นสำคัญ ยังหน้าที่ที่เป็นราชการนั้นคือ หน้าที่อันร่วมกันในข้าราชการทั้งปวง เช่น เวลามีราชการสำคัญเกิดขึ้นก็ดี หรือมีราชการหนักหนาเกิดขึ้น แต่หากราชการนั้นอยู่ในต่ำแหน่งของผู้อื่นก็ดี การเหล่านี้ย่อมเป็นราชการแม้มิใช่การในแผนกของตน ก็ต้องเอาใจใส่ช่วยทำโดยเต็มกำลังตามหน้าที่ของข้าราชการ จำต้องช่วยราชการอย่าเพิกเฉยเสีย โดยถือว่ามิใช่ราชการในต่ำแหน่งของตนนั้นไม่ได้ ส่วนหน้าที่ของข้าแผ่นดินนั้นคือ รักษาความประพฤติของตนให้เป็นไปโดยชอบด้วยพระราชกำหนดกฏหมาย ซึ่งบังคับให้คนทั้งหลายประพฤติทั่วกัน คือ ที่มิให้เบียดเบียนกันเป็นต้น ต้องเข้าใจว่าบรรดาคนทั้งหลายถึงจะแตกต่างโดยยศฐานันดรศักดิ์สูงต่ำเพียงใด นอกจากพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวแล้ว ก็ย่อมนับว่าเป็นข้าแผ่นดินด้วยกันทุกคน มีหน้าที่ในส่วนที่เป็นข้าแผ่นดินอย่างเดียวกันทุกคน ความซื่อตรงต่อต่ำแหน่งนั้นคือ ต้องเข้าใจว่าผู้ที่เป็นข้าราชการมีต่ำแหน่งย่อมเป็นผู้ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทรงซุบเลี้ยง โดยได้เลือกสรรเห็นว่าเป็นผู้มีคุณวุฒิและความดีกว่าคนทั้งหลายเป็นอันมาก ทั้งประกอบด้วยความซื่อสัตย์และสุจริตควรเป็นที่เชื่อถือแล้ว จึงได้โปรดตั้งแต่งให้มีอำนาจและหน้าที่ในราชการ เพราะฉะนั้นผู้เป็นราชการ เมื่อรู้สึกอยู่เช่นนี้ต้องประพฤติอยู่ในความซื่อสัตย์คือ พูดหรือทำอะไรให้เป็นที่เชื่อถือได้แน่นอน ไม่ปดโป้โลเลประการหนึ่ง อยู่ในความสุจริตคือ ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวงคดโกงผู้หนึ่งผู้ใดประการหนึ่ง และต้องประพฤติกิริยาและวาจาให้เป็นผู้ดีอันสมกับตำแหน่งนั้น ความข้อนี้อย่าหลงเข้าใจว่าการที่พูดจาหรือทำท่าทางวางโตให้คนอื่นเห็นว่าเป็นขุนนางนั้น เป็นการสมควรแก่กิริยาวาจาของผู้ดีที่เป็นข้าราชการ ผู้ประพฤติเช่นนั้นไม่มีใครชมว่าเป็นผู้ดี อันกิริยาและวาจาของผู้ดีนั้นคือ กิริยาและวาจาซึ่งไม่มีผู้ใดติเตียน คือพูดกับใครก็ให้ถูกหูเขา กิริยาอาการของตนที่ประพฤติต่อใครก็อย่าให้เขาเป็นที่รังเกียจ นั่นแหละ คือวาจาและกิริยาของผู้ดี
: พระโอวาทของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น