เครือญาติ ของตนทุกคนอย่าลืม

 

เจ้ามีงานธรรมมากมายรัดตัวแล้วคนในครอบครัวของเจ้าล่ะ ศรัทธาต่อธรรมะบ้างไหม ญาติพี่น้องของเรามีความเข้าใจธรรมะมากน้อยแค่ไหน เจ้าทั้งหลายพูดว่า “เมื่อจะปฏิบัติงานธรรมจะต้องสละและปล่อยวาง” เจ้าจะละทิ้งการงานและครอบครัวปล่อยวางผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับชีวิตเจ้าอย่างนั้นหรือ ขอถามว่าคนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต้องอาศัย อากาศเพื่อหายใจ ต้องกิน ต้องดื่ม ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมใช่ว่าจะแยกตัวออกจากสังคมและผู้คนได้ คนในครอบครัวที่ผูกพันธ์กันมานานกับเจ้า แต่เจ้าอยากสลัดทิ้ง เจ้าสลัดทิ้งทางนี้และไปส่งเสริมญาติธรรม ส่วนผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับเจ้าจะให้ใครไปส่งเสริม เคยคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ไหม ในโลกนี้คนที่เกี่ยวพันกับชีวิตเจ้าถือว่าญาติสนิท หากเจ้าไม่มีเยื่อใยนั่นแสดงว่า “ใจจืดใจดำ” ระบอบนี้มาจากไหน เจ้าทั้งหลายส่งเสริมนักธรรมรุ่นหลังด้วยความคิดผิดๆเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะรับผิดชอบต่อครอบครัวเขา รับผิดชอบไหวหรือ???? ท่านมุฮัมมัดกล่าวไว้ว่า “ความสัมพันธ์ทางเครือญาติจะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองเพิ่มอายุขัยให้ยืนยาวแม้ว่าผู้ปฏิบัตินั้นจะมิใช่คนดีก็ตาม”……..

………………………………………………………………………………………

                                                 ผู้นำที่ดี

สมมุติว่าเราเป็นต้นไม้ใหญ่ เป้นผู้นำครอบครัว ยกตัวอย่างผู้นำเป็นฝ่ายชาย ผู้ชายคนนี้เติบดตเป็นต้นไม้ใหญ่เป็นผู้นำครอบครัว ลมพัดภรรยามา ถามว่าจะทำอย่างไร สามีเป็นต้นไม้ใหญ่ลมภรรยาหอบพายุพัดโหมกระหน่ำตอนนี้ภรรยาพังหรือสามีพัง พอสามีพังใครพังตาม…..พอสามีพังภรรยาก็พังด้วย เพราะฉะนั้นถามว่าให้ใครยอมใครก่อนให้ภรรยายอมก่อนดีไหม ภรรยาไม่ต้องเป็นลมพายุ ไม่ต้องมีอารมณ์ อย่าโมโหจะได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็ให้สามียอมก่อนแล้วกัน ยอมเป็นต้นหญ้าเล็กๆจะได้ไหม เพราะฉะนั้นคนที่โง่ที่สุดคือคนที่ฉลาดที่สุด ทำตัวแสร้งโง่บ้าง ยอมเป็นต้นหญ้าเล็กๆเพราะอย่างไรเราก็เป็นผู้นำครอบครัวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ปัญหาการทะเลาะวิวาทมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสามีภรรยา มีเรื่องทะเลาะกันได้ทุกวัน หากเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร ทำอย่างไรดี ฝ่ายหนึ่งร้อนอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเย้นใช่หรือไม่ แล้วส่วนใหญ่เราร้อนหรือเย็น โบราณมีคำพูดหนึ่งที่เอาไว้สอนคนที่มีครอบครัวแล้ว สมัยก่อนผู้ชายจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่เหมือนสมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกัน ทำไมถึงต้องมีผู้นำ ก็เหมือนกับที่บอกไว้เมื่อตะกี้ว่าฝ่ายหนึ่งร้อนอีกฝ่ายต้องเย้นใช่หรือไม่แสดงว่าคนหนึ่งเป็นเท้าหน้าอีกคนต้องเป็นเท้าหลังแต่ในสมัยก่อนนั้นกำหนดไว้เลยว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลังแต่สมัยนี้อาจารย์ไม่อยากจะสอนถ้าสอนแบบนี้ก้คงจะมีคนคัดค้านเพราะฉะนั้นขอพูดเพียงเล็กน้อย สมัยก่อนผู้ชายต้องมีคุณธรรม ผู้หญิงจึงเดินตาม ฉะนั้นถ้าหากในครอบครัวเราเป็นผู้ชายเราก็มาตรวจสอบว่าเรามีคุณธรรมมากน้อยแค่ไหนแล้วฝ่ายหญิงก็มาตรวจสอบด้วยว่า แฟนของเรามีคุณธรรมอยู่หรือไม่ถ้ามีเราก็ควรจะเดินตาม ไม่ใช่เดินไปสกัดไป ใช่ไหม ฝ่ายหญิงหากฝ่ายชายไม่ค่อยมีคุณธรรมจะทำอย่างไร สมัยนี้บอกว่าสิทธิเท่าเทียมกันถ้าอย่างนั้นฝ่ายหญิงต้องมีคุณธรรมก่อนแล้วเอาความดีนั้นไปชนะใจสามี ใช่หรือไม่ ในเมื่อพูดเองว่าสิทธิเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นผู้มีคุณธรรมจึงสามารถโน้มนำฝ่ายชายให้เดินตามเราได้ แต่เมื่อเขาเดินตามแล้วก็อย่าชะล่าใจ ต้องระวังใจไว้พอประมาณ สามีภรรยาต้องมีความซื่อสัตย์ให้เกียรติกัน เข้าใจซึ่งกันและกันหากสามีไม่เข้าใจภรรยาหรือภรรยาไม่เข้าใจสามีแล้วจะมีใครอีกเล่าที่จะมาเข้าใจ???

ไม่มีความคิดเห็น: