อะไรคือการยอมรับชะตากรรม…เช่น ลูกรักตายจากไป เกิดมาขี้เหร่ ตัวเตี้ย สมองเสื่อม ฯ เมื่อลูกรักตายจากเราไป ถึงเจ้าจะร้องไห้สามวันสามคืนก็ไม่มีวันฟื้น การกล่าวโทษฟ้าดินจะช่วยคนตายฟื้นคืนมาได้ไหม??? เจ้าต้องเข้าใจว่านี่คือ “แรงกรรม” ที่มิอาจเปลี่ยนแปลง เจ้าอย่าได้โทษนั่นโทษนี่ต้องเข็มแข็งยอมรับความจริง จงตัดใจเสียเพราะถึงอย่างไรลูกก็จากไปแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ได้ตัดความกังวลในวันหน้า ไม่ต้องคอยเลี้ยงหลานให้ลูกอีก ฉะนั้นทางที่ดี เมื่อลูกจากไปคิดเสียว่าเขาไดไปเกิดใหม่ในทางที่ดีและมีชะตาชีวิตที่ดีกว่านี้………………. ความสำเร็จอยู่ในกำมือ วันนี้หากเราตั้งใจบำเพ็ญธรรม ครอบครัวจะเปลี่ยนแปลงสามีภรรยาจะไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ลูกจะกตัญญู พ่อแม่จะมีเมตตา รักและเอาใจใส่ลูก จากครอบครัวไปสู่สังคม สภาพสังคมก็จะดีขึ้น จากสังคมไปสู่ประเทศชาติ เพียงแค่ศิษย์ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองทำความดี เมื่อนั้นชะตาบ้านเมืองก็จะอยู่ในกำมือ
………………………อย่าลืม ส่งเสริมคนในบ้าน…………………………
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่รวมกับผู้อื่น มีเพื่อน มีสังคม มีบริวาร แม้ว่าพวกเราจะบำเพ็ญธรรมแต่ก็ไม่สามารถแยกตัวออกห่างจากสังคมได้ ต้องกลับเข้าสู่สังคมเพื่อพบปะกลุ่มคน ดังนั้พวกเจ้าจะต้องเข้าใจหนทางแห่งการบำเพ็ญธรรมก็คือหนทางชีวิต แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในหนทางการบำเพ็ญแต่ก็ไม่สามารถแยกตัวออกจากชีวิตจริงได้ จะต้องทำความเข้าใจชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันให้ถ่องแท้ เจ้าจะต้องเข้าใจสถานภาพของมนุษย์มิใช่ยึดเอาธรรมะของเจ้าฝ่ายเดียว แล้วทำตัวแปลกแยกออกจากสังคม ดังนั้น การบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรมต้องจัดการคนในครอบครัวของตนอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกและอบอุ่นเสียก่อน ทำให้คนในครอบครัวเข้าใจ เข้าใจว่าเจ้าทำเช่นนี้เพราะอะไร เพราะครอบครัวก็ต้องมีหลักธรรมของครอบครัว ตั้งแต่โบราณมาเปรียบบุรุษเป็นดั่งท้องฟ้าสตรีเป็นดั่งผืนดิน บุรุษมีความเข้มแข็ง สตรีมีความอ่อนโยน เข้มแข็งและอ่อนโยนจะต้องกลมกลืนดำเนินควบคู่ วันนี้ธรรมะจุติสู่ครัวเรือน เดิมทีดอกบัวเกิดแต่ตม แต่ทำไมปัจจุบันนี้กลับพูดว่า “อุบลกลางเปลวไฟ” ก็เพื่อที่จะขัดเกลาจิตญาณของเจ้า การบำเพ็ญและการขัดเกลาขึ้นอยู่กับตนเอง พวกเจ้าล้วนมีครอบครัว แล้วการบำเพ็ญในครอบครัวเป็นอย่างไร ต่อให้เจ้าบำเพ็ญได้ดีแค่ไหน แต่คู่ครองของเจ้า ลูกๆของเจ้า เจ้าได้ส่งเสริมพวกเขาไปถึงไหนแล้วล่ะ??? พวกเจ้าสอนให้คนอื่นกินเจ สอนคนอื่นว่าบำเพ็ญธรรมจะต้องส่งเสริมคนในครอบครัวด้วย พระอาจารย์ขอย้อนถามพวกเจ้าว่า “แล้วตัวเจ้าล่ะ”??? หากพวกเจ้าให้ความสนใจเหลียวแลคนที่อยู่รอบข้างเอาใจใส่เพิ่มขึ้น รับผิดชอบเรื่องราวต่างๆมากขึ้นอย่างอื่นพวกเจ้าก็ไม่ต้องไปกังวลและจงวางใจ รู้หรือไม่ ?? ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่รักลูกของตน แต่ทำไมไม่ใช้จิตใจแห่งความรักเช่นนี้ปฏิบัติต่อบิดาเล่า ?? ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่รักภรรยาตน แต่ทำไมไม่ใช้จิตใจแห่งความรักเช่นนี้ปฏิบัติต่อมารดาเล่า?? ยอมปฏิบัติคล้อยตามบุตรแต่ไฉนถึงอกกตัญญูต่อบุพการี ปรารถนาให้ลูกๆ ทุกคนในใต้หล้าแบ่งปันความรักที่ตนมีให้แก่บุตร มอบให้บุพการีบ้าง รักเอ็นดูบุตรสาวตนแต่ไฉนจึงโหดร้ายกับลูกสะใภ้เล่า ?? หวังให้พ่อแม่สามีในโลกนี้แบ่งปันความรักสามส่วนจากที่มีแก่บุตรสาว มอบให้แก่ลูกสะใภ้ !!! ขอพรวอนไหว้เทพเทวา รักษามรดกทรัพย?สมบัติทิ้งไว้ให้ลูกหลาน แต่ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ สู้สร้างสมบุญกุศลให้ลูกหลาน สร้างบารมีสั่งสมไว้ให้ได้รับผลบุญสืบต่อไปอย่างไร้ขอบเขต เลี้ยงดูแต่ไม่สั่งสอนคือไม่รักลูก สั่งสอนแต่ไม่เข้มงวดคือการให้ร้ายลูก ต้องไม่ประมาทจึงจะไม่สูญเสีย มีกตัญญูต่อครอบครัว มีจงรักภักดีต่อประเทศชาติ ในโลกไม่มีใครที่อกตัญญูหรือเนรคุณต่อชาติบ้านเมืองแล้วยังเหลือชื่อไว้ในโลกา ดังนั้นการบำเพ็ญธรรมจะต้องใช้ปัญญา แล้วเจ้าจะสามารถเดินบนหนทางการบำเพ็ญนี้ต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างไรและอย่าได้ทำให้บุญสัมพันธ์ในชาตินี้ให้กลายเป็นกรรมสัมพันธ์ในชาติหน้า หากเจ้าไม่สามารถทำให้บุญสัมพันธ์ในชาตินี้ลุล่วงสมบูรณ์ได้ ชาติหน้าเจ้าก็จะต้องพบเจอกรรมสัมพันธ์อีกวาระ แล้วจะฉุดช่วยโลกที่กำลังเสื่อมโทรมนี้ได้อย่างไร ทำอย่างไรให้จิตใจมนุษย์บริสุทธิ์ จะต้องเริ่มจากตัวเองก่อนในด้านมนุษยธรรมผู้ที่ใกล้ชิดตัวเรามากที่สุดคือคนในครอบครัว หากแม้แต่คุณสัมพันธ์ห้ายังทำได้ไม่ดี แล้วจะไปแปรเปลี่ยนโลกให้เกิดสันติภาพเป็นเอกภาพได้อย่างไร??? คิดดูว่าจุดมุ่งหมายของอนุตรธรรมคืออะไร คือการแปรเปลี่ยนโลกนี้ให้บังเกิดสันติภาพและเอกภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายก็จักต้องใช้หลักคำสอนของศาสนาปราชญ์มาช่วยผลักดันเพราะว่าหลักธรรมของปราชญ์ขงจื้อและเมิ่งจื้อก็เริ่มต้นจากหลักมนุษยธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น