เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ทุกวัน จนกระทั่งพระภิกษุณีหวั่นเกรงอำนาจแห่งสวรรค์เป็นอันมาก เพราะเสียงลึกลับดังกล่าวนั้นเป็นเสียงของเหล่าเทวดากระซิบกระซาบและเสียงย่างก้าวตามขั้นบันไดของผู้ไม่ปรากฏตัวตน เพื่อมาช่วยงานของพระธิดาเมี่ยวซ่านทั้งสิ้น ท่านเจ้าอาวาสจึงให้พระภิกษุณีลูกวัดนำความไปแจ้งแก่พระเจ้าเมี่ยวจวงว่า บัดนี้วัดนกยูงขาวมิอาจทำตามพระบัญชาของพระองค์ที่ให้ทรมานพระธิดาเมี่ยวซ่านผู้มากบารมีได้อีกต่อไปพระภิกษุณีผู้แจ้งข่าวเข้าเฝ้าพระเจ้าเมี่ยวจวง ณ ตำหนักฤดูร้อนอันงดงามตระการตา โอบล้อมด้วยกองทัพอันเกรียงไกรสมพระเกียรติองค์จักรพรรดิแห่งซิงหลิง แต่เมื่อภิกษุณีกราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระธิดาในยามนี้แล้ว พระเจ้าเมี่ยวจวงก็ทรงพิโรธยิ่งนัก จึงตรัสแก่พระภิกษุณีว่า "จงกลับไปก่อนแล้วเราจะส่งสาส์นคำสั่งให้แก่เจ้าวาอาสโดยเร็ว" หลังจากนั้นพระเจ้าเมี่ยวจวงก็ไม่สามารถทอดพระเนตรมหรสพตรงหน้าด้วยใจที่เบิกบานได้อีกต่อไป เพราะมีความกริ้วในพระธิดาสามเป็นกำลัง "ทหาร ! ไปตามแม่ทัพฮูบีหลี มาเดี๋ยวนี้" พระเจ้าเมี่ยวจวงสั่งทหารองครักษ์ เมื่อทรงคิดแผนการบางอย่างได้ ชั่วครู่แม่ทัพฮูบีหลีก็มาเข้าเฝ้า พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงตรัสว่า "ท่านรับใช้เรามาในการสงครามมากว่าร้อยครั้ง ยังไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ในยามนี้เกิดสงครามขึ้นในครอบครัวของเราเอง นั่นคือลูกสามของเราหลงไปนับถือลัทธิของผู้อ่อนแอจากต่างแดน และลัทธินี้กำลังบันทอนบ่อนทำลายชาวเมืองของเรา ขอท่านจงนำกำลังไปล้อมวัดนกยูงขาวแล้วเผาผลาญให้สิ้นไป พระภิกษุณีทุกคนต้องตายไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวของเรา" แม่ทัพฮูบีหลีรับบัญชาด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม "เช้าตรู่พรุ่งนี้พระองค์จะได้ทอดพระเนตรเพลิงแดงฉานทางทิศตะวันตกเป็นแน่ หม่อมฉันขอให้สัญญา" คืนนั้นแม่ทัพฮูบีหลีนำกำลังทหารเดินทัพสู่วัดนกยูงขาวโดยมิหยุดพักเลย ครั้นใกล้รุ่งชะตากรรมของวัดแห่งนี้ก็ถูกล้อมไว้ด้วยทหารนับร้อยที่แกว่งคบเพลิงขึ้นเผาวัดนกยูงขาวทันที บรรดาพระภิกษุณีวิ่งหนีความร้อนจากเพลิงกันอลหม่าน โดยทั้งหมดวิ่งไปยังกุฏิของพระธิดาเมี่ยวซ่านร้องขอชีวิตกันละล่ำละลัก "พระธิดาช่วยพวกเราด้วย เพลิงนี้เกิดขึ้นเพราะพระองค์ พวกเราไม่ต้องการตายในกองเพลิง" พระธิดาเมี่ยวซ่านทรงตระหนักดีว่าทหารของพระเจ้าเมี่ยวจวงอำมหิตถึงขนาดเผาวัดฆ่าชีได้โดยไม่กลัวบาปกรรม จึงทำจิตให้สงบและรวบรวมสมาธิให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวระลึกถึงพระพุทธคุณด้วยใจที่ตั้งมั่นขอได้ทรงโปรดช่วยพระภิกษุณีผู้ไม่
มีความผิดทั้งหลายให้รอดพ้นจากเพลิงกาฬทั้งปวงด้วยเถิดและขอทรงช่วยข้าพระองค์ได้บรรลุเจตนาในการสำเร็จสู่โพธิญาณเช่นเดียวกับพระองค์ในปางก่อน โปรดส่งธาราอันเยือกเย็นลงมาดับความร้อนนี้ด้วยเทอญ ทันใดนั้นได้มีเมฆฝนทมึนก่อตัวขึ้นเทสายฝนลงมาห่าใหญ่ ดับไฟที่กำลังแผดเผาวัดจนมอดหมดสิ้น ผู้คนที่ได้สัมผัสสายฝนนั้นต่างรู้สึกชุ่มฉ่ำสดชื่นขึ้นอย่างแปลกประหลาด จะมีก็แต่แม่ทัพฮูบีหลีเท่านั้นที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว "แม้แต่ลมฝนยังช่วยพระธิดาหรือนี่ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก" ท่านแม่ทัพรีบสั่งให้นายทหารไปกราบทูลเหตุการณ์ดังกล่าวโดยด่วนฝ่ายพระเจ้าเมี่ยวจวงเมื่อได้ฟังก็พิโรธยิ่งนัก จึงสั่งการลงไป "ไปนำตัวเมี่ยวซ่านมาเดี๋ยวนี้ ! มันต้องตาย !" เมื่อพระบัญชาลงมาเยี่ยงนี้แล้วย่อมมิอาจขัดได้ นายทหารผู้นั้นนำความมาแจ้งแก่แม่ทัพฮูบีหลี และดำเนินการตามพระประสงค์โดยด่วน
พระธิดาเมี่ยวซ่านจึงถูกควบคุมตัวจากอารามนกยูงขาว แม้เพิ่งพ้นเคราะห์กรรมจากเพลิงกาฬมาหมาดๆแต่เหล่าทหารยังคงนำพระธิดาไปสู่ทางแห่งความทุกข์และความตามอย่างไม่ปราณีพระเจ้าเมี่ยวจวงจัดสถานที่ในอุทยานอย่างงดงามตระการตา เต็มไปด้วยหมู่นางระบำรำฟ้อง นักร้อง นักดนตรี ขับกล่อมเพลงประสานเสียงอย่างไพเราะ หมู่นางกำนัลปรนนิบัติอำนวยความสะดวกสบาย พระธิดาเมี่ยวซ่านทอดพระเนตรสรรพสิ่งรอบกาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งไม่จีรังด้วยสายตาแน่วแน่ไม่หวั่นไหวไปกับความบันเทิงใดๆ พระเจ้าเมี่ยวจวงเห็นดังนั้นจึงพิโรธยิ่งกว่าทุกครั้ง จึงทรงบริภาษเสียงลั่นว่า "ข้าอุตส่าห์จัดสิ่งเริงรมย์ไว้ให้ดูเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก เผื่อเจ้าจะเปลี่ยนใจกลับมาใช้ชีวิตปกติเยี่ยงกษัตริย์ แต่ดูสิว่าไอ้ลัทธิที่มันนับถือได้ทำลายชีวิตลูกสาวข้าจนไม่เหลือดี "จึงหันไปตรัสกับทหารว่า “ทหาร ! นำนางเมี่ยวซ่านไปประหารเสียในป่า อย่าให้เลือดมันตกต้องตำหนักนี้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น