ธรรมจรรยาสำหรับคนเป็นพ่อแม่


……………..การเลี้ยงลูกที่ดี…………………..
คนเป็นบิดามารดาควรจะสั่งสอนอบรมลูกอย่างไร???? คนปัจจุบันนี้ล้วนเป็นผู้กตัญญู….กตัญญูต่อลูกพระพุทธเจ้า วัดเขาสุกิมของพวกเจ้านั่นงัยล่ะ!!!!  ยกตัวอย่างการเปิดห้องพระ  ก็มีแค่เพียงเจ้าทั้งสองสามีภรรยาเท่านั้นที่กราบไหว้มิใช่หรือ??? “เด็กๆมีหน้าที่ต้องเรียนหนังสือ ไม่มีเวลามาไหว้หรอก เราไหว้กันเองก็แล้วกัน” แต่พวกเจ้าเคยคิดถึงวันข้างหน้าหรือไม่ พวกเจ้าจะอยู่กับลูกๆไปตลอดหรือ เจ้ามีปณิธานเปิดห้องพระแล้วลูกๆของเจ้าล่ะ เข้าใจเรื่องนี้กันบ้างไหม?? เกรงว่าเมื่อพวกเจ้าจากโลกนี้ไปแล้ว คงไม่มีใครกล้าอาจเอื้อมเข้าไปจุดธูปไหว้พระในบ้านของเจ้าอีก เพราะลูกๆของเจ้าจะพูดว่า “เป็นเรื่องของพ่อแม่ พ่อแม่อยากให้เราเป็นคนดี นั่นก็เป็นเรื่องของท่าน จะบังคับให้เราทำตามไม่เอาด้วยหรอก คนละยุคคนละสมัยกันแล้ว เรารับไม่ได้!!!!! …….สิ่งที่เจ้าทำมาทั้งชีวิตก็จะสูญสลายไปทันที ส่วนคนที่ทานเจ พวกเจ้ารู้สึกว่าการทานเจเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าลูกยังเล็กจะทานเจได้อย่างไร กลัวขาดสารอาหารจึงไม่กล้าให้พวกเขาทานใช่ไหม??? ในสมัยโบราณยามเกิดศึกสงครามไม่มีอาหารพอประทังจะเลือกกินเนื้อกินปลาก็คงยาก มีอะไรก็กินอย่างนั้น แต่คนก็ยังแข็งแรงอยู่ได้ ฉะนั้นในวันนี้เจ้าพูดบทประโยชน์ของการทานเจ แต่ลูกๆของเจ้ากลับไม่มีคนไหนกินเจกับเจ้าด้วย คนอื่นจะนำจุดนี้มาเป็นข้อโต้แย้งได้ พวกเจ้าย่อมรู้ดี ในเมื่อพวกเจ้าทานเจก็จะต้องนำพาพวกลูกๆของเจ้าด้วยเข้าใจไหม?? คนที่เป็นภรรยา ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านมีหน้าที่อบรมสั่งสอนลูกๆให้มีความประพฤติที่มีสัมมาคารวะ เด็กๆก็เปรียบเหมือนกับไม้เวลาที่มันยังอ่อนก็สามารถดัดได้ไม่ยาก ดังนั้น การอบรมเลี้ยงดูลูกจะต้องปลูกฝังคุณธรรม สอนจรรยามารยาท พูดธรรมะให้เขาฟังบ่อยๆ เวไนยล้วนมีจิตพุทธะอย่าคิดว่าเขายังเล็กเขาก็สามารถฟังธรรมเข้าใจได้เช่นกัน พ่อแม่จะต้องทำตัวให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง สิ่งสำคัญคือพฤติกรรมของพ่อแม่จะส่งผลต่อลูก หากพ่อแม่ทะเลาะกันให้ลูกเห็นอยู่ร่ำไปก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจของเขาในอนาคต ความผิดพลาดเช่นนี้พ่อแม่เป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น!!!!!!!!!!!!!!!!!
       …………………ความสุขอยู่แค่เอื้อม………………
บางครอบครัวอยู่บ้านก็ไม่ต่างจากคุก ถึงแม้ว่าครอบครัวนั้นจะมีฐานะร่ำรวยและมั่งคั่งแค่ไหน แต่กลับไม่มีความสุขเลยต้องอยู่อย่างอ้างว้างเดียวดาย หากครอบครัวไม่สงบสังคมย่อมไม่เป็นสุข เพราะว่าทุกคนต่างไขว่คว้าเพื่อสนองความอยาก จึงต้องออกนอกบ้านไปที่สถานบันเทิงหรือบ่อนการพนัน สิ่งเหล่านี้นับวันจะทวีเพิ่มมากขึ้น หากคนเป็นพ่อไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีกับลูก ลูกๆนั้นก็จะเรียนรู้และปลูกฝังในสิ่งที่ผิดไปโดยอัตโนมัติ ภายในจิตใจของพวกเจ้าก็เปรียบเสมือนบ้าน บ้านหลังนี้หากมีเสียงอึกทึก ในบ้านมีแต่ขยะเน่าเหม็น พระที่อยู่ในบ้านก็คงทนอยู่ไม่เป็นสุข ใช่ไหม ???? หากปรารถนาให้พระในบ้านคุ้มครองชีวิตเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุขก็ต้องขจัดสิ่งสกปรกในจิตใจออกไปเสียก่อน รวมทั้งนิสัยและอารมณ์ที่ไม่ดีต่างๆ เช่น เล่นกวัดเขาสุกิม แหล่งท่องเที่ยวารพนัน ดื่มเหล้า เสพยา เหล่านี้ต้องกวาดทิ้งให้สิ้นซาก หากขจัดกิเลสในจิตใจออกไปได้แล้วจึงจะเกิดทักษะและปัญญาอันรู้แจ้งแยบยล พระที่แท้จริงก็จะมาปรากฎและคุ้มครองรักษาชีวิตให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ ปัจจุบันยุคไฮเทค ทุกคนต่างไม่มีเวลาว่าง เมื่อถึงวันหยุดก็ต้องพากันออกไปหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ดังนั้น จึงต้องขับรถไปที่ไกลๆ ต่างจังหวัด ไปปีนเขา ไปทะเล ไปตามหาวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โดยเข้าใจว่าสิ่งนี้สามารถปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยช่วยชีวิตให้อยู่เป็นสุขได้ แต่แท้จริงสถานที่เหล่านั้นล้วนอยู่ในจิตใจของพวกเจ้าแล้ว เวลามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับญาณก็มักให้โอวาทและแต่งบทเพลงธรรมะซึ่งมักจะหยิบยกภูเขาแม่น้ำและชีวิตมาประพันธ์ โดยเนื้อหาในบทเพลงธรรมนั้นสามารถทำให้จิตใจสงบและเย็นลง สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากให้ทุกคนมีความสุขจึงประพันธ์บทกลอนและเพลงธรรมต่างๆให้ทุกคนได้ขับร้องอย่างมีความสุข ขจัดความทุกข์กังวลในใจและแฝงความหมายอันลึกซึ้งซ่อนไว้ในบทเพลง ใช่หรือไม่ว่า เมื่อได้ฟังเพลงธรรมแล้วจิตใจก็รู้สึกสดชื่นเบิกบานใจ บรรยากาศอันแสนอบอุ่นก็จะบังเกิด เมื่อนั้นครอบครัวของเจ้าก็จะกลายเป็นดินแดนสุขาวดีอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น: