ธรรมจุติสู่ครัวเรือน

   

วันนี้พวกเจ้าพูดว่า ”ครัวเรือน” ในที่นี้ใช่หรือไม่ว่าเฉพาะแต่พวกเจ้า หรือครอบครัวของเจ้าเท่านั้น แต่พวกเจ้าควรจะเริ่ม

จากจุดนี้ใช่หรือไม่ จึงเป็นพื้นฐานแห่งการบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรมของเรา ถูกต้องไหม เจดีย์เมื่อยิ่งสูงขึ้นไป ปลายยอด

เจดีย์ก็ยิ่งเรียวแหลม ฐานเจดีย์ก็จะต้องกว้างใหญ่ ดังนั้น พวกเจ้าจงถือเอามวลชนเป็นฐานเมื่อฐานมั่นคงจึงสามารถ

ต่อยอดให้สูงขึ้นไปไพระสังกัจจาย พระศรีอาริยเมตไตรด้ แล้วคนที่สามารถขึ้นสู่ยอดนั้นมีแค่เพียงส่วนน้อยใช่ไหม คนทั่วๆไปที่สามารถเข้าใจหลักธรรมได้

ง่าย เพราะว่าพวกเขาไม่มีชื่อเสียงผลประโยชน์มากมายมาคอย

ยั่วยวน จึงไม่หลงเป็นเหยื่อได้ง่าย หากวันนี้ลูกๆของพวกเรา

ออกไปข้างนอก ถูกทำร้ายได้รับความบาดเจ็บอย่างสาหัสจนสุด

ทน สถานที่ที่เขาย่อมจะคิดถึงคือที่ไหน???? (บ้าน) ใช่แล้ว

หากว่าเขาคิดถึงบ้าน กลับมาหาพวกเรา นั่นแสดงว่าสิ่งที่เรา

เคยอบรมสั่งสอนเขามาตั้งแต่เด็กตกผลแล้วหากเขามีคุณสมบัติ

ครบถ้วนจึงจะมีพลังออกไปแบกรับหน้าที่ต่างๆ และเมื่อเขาก้าว

ไปถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อและกำลังจะกระโดดข้าม เจ้าก็คือผู้ที่

คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เจ้าจะต้องช่วยเหลือให้เขาข้ามไปให้ได้ใช่ไหม??? ในกรณีเดียวกัน พวกเราอยู่ในอาณาจักร

ธรรม ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะเข้ามานั้นก็เป็นเหมือนเด็กทารกตัวน้อยๆ พวกเราจะต้องทำให้เกิด

ความรู้สึกอบอุ่น มีความสงบสุข ร่มเย็นและปลอดภัย

……………………………………………..พุทธะสำเร็จจากครัวเรือน………………………………………

โรคภัยไข้เจ็บ หากไม่รักษาที่ต้นตอ จ่ายยาไม่ถูกโรค กินอะไรก็ไม่หาย การบำเพ็ญธรรมก็เช่นกันจะต้องป้องกันแก้ไขที่

อัตตา แก้ไขที่ตัวเราเองก่อน ไม่ใช่เอาแต่เรียกร้องจากผู้อื่น ให้ขอร้องตนเองให้มากจึงจะมีคุณสมบัติของผู้บำเพ็ญธรรม ใน

ครอบครัวก็เช่นกัน หากว่าเจ้าเป็นแขกไปเยือนบ้านคนอื่นก็สามารถสัมผัสบรรยากาศในบ้านหลังนั้นได้ทันทีว่าบ้านหลังนี้

อยู่เย็นเป็นสุข คนในครอบครัวสมานฉันท์กลมเกลียว มีจรรยามารยาท แม้แต่พี่น้องยังกล่าวคำ “ขอบคุณ” “ขอโทษ” “ช่วย

พี่หน่อยสิจ๊ะ” “รบกวนหน่อยนะ” ครอบครัวที่ปฏิบัติเช่นนี้ก็มีธรรมะ หากบ้านไหน คนอาศัยทำหน้าบูดบึ้ง พูดจาว่ะว่ะ โว้ย

โว้ย!!! มีคำอื่นใช้แทนสรรพนาม (ไอ้…) เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือไม่ว่าอีกไม่ช้าคนในบ้านก็จะมีเรื่องทะเลาะกันแน่ ดังนั้น การ

บำเพ็ญธรรมต้องเริ่มจากหลักมนุษยธรรม การสำเร็จพุทธะนั้นต้องเริ่มจากครัวเรืธรรมชาติ วิวสวยๆอน เช่นนี้โอกาสย่อมมีมากกว่า เพราะเหตุ

ใด? ก็เพราะคนในครอบครัวจะช่วยขัดเกลาและเคี่ยวกรำเจ้ายังไง

ล่ะ การสร้างบุญกุศล เจริญปณิธาน โปรดคนรับธรรมะ พูดบรรยาย

ธรรมนั้นยังเป็นเรื่องง่ายแต่การถูกขัดเกลาเคี่ยวกรำจากคนใน

ครอบครัวนั้นเป็นเรื่องยาก พ่อแม่พี่น้องรวมทั้งสามีภรรยาขัดเกลา

จนกว่าจะสมานฉันท์เคี่ยวกรำจนทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจในหลัก

ธรรมนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งคนใกล้ตัวมากเท่าไรมารยาทก็ยิ่งละเลย

มากเท่านั้น  พวกเจ้าฟังธรรมะบทนี้แล้ว กลับบ้านไปขอให้เริ่ม

ปฏิบัติตนเองใหม่นับจากนี้เพื่อให้ธรรมนั้นปรากฎ

ธรรมจรรยาสำหรับคนเป็นพ่อแม่


……………..การเลี้ยงลูกที่ดี…………………..
คนเป็นบิดามารดาควรจะสั่งสอนอบรมลูกอย่างไร???? คนปัจจุบันนี้ล้วนเป็นผู้กตัญญู….กตัญญูต่อลูกพระพุทธเจ้า วัดเขาสุกิมของพวกเจ้านั่นงัยล่ะ!!!!  ยกตัวอย่างการเปิดห้องพระ  ก็มีแค่เพียงเจ้าทั้งสองสามีภรรยาเท่านั้นที่กราบไหว้มิใช่หรือ??? “เด็กๆมีหน้าที่ต้องเรียนหนังสือ ไม่มีเวลามาไหว้หรอก เราไหว้กันเองก็แล้วกัน” แต่พวกเจ้าเคยคิดถึงวันข้างหน้าหรือไม่ พวกเจ้าจะอยู่กับลูกๆไปตลอดหรือ เจ้ามีปณิธานเปิดห้องพระแล้วลูกๆของเจ้าล่ะ เข้าใจเรื่องนี้กันบ้างไหม?? เกรงว่าเมื่อพวกเจ้าจากโลกนี้ไปแล้ว คงไม่มีใครกล้าอาจเอื้อมเข้าไปจุดธูปไหว้พระในบ้านของเจ้าอีก เพราะลูกๆของเจ้าจะพูดว่า “เป็นเรื่องของพ่อแม่ พ่อแม่อยากให้เราเป็นคนดี นั่นก็เป็นเรื่องของท่าน จะบังคับให้เราทำตามไม่เอาด้วยหรอก คนละยุคคนละสมัยกันแล้ว เรารับไม่ได้!!!!! …….สิ่งที่เจ้าทำมาทั้งชีวิตก็จะสูญสลายไปทันที ส่วนคนที่ทานเจ พวกเจ้ารู้สึกว่าการทานเจเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าลูกยังเล็กจะทานเจได้อย่างไร กลัวขาดสารอาหารจึงไม่กล้าให้พวกเขาทานใช่ไหม??? ในสมัยโบราณยามเกิดศึกสงครามไม่มีอาหารพอประทังจะเลือกกินเนื้อกินปลาก็คงยาก มีอะไรก็กินอย่างนั้น แต่คนก็ยังแข็งแรงอยู่ได้ ฉะนั้นในวันนี้เจ้าพูดบทประโยชน์ของการทานเจ แต่ลูกๆของเจ้ากลับไม่มีคนไหนกินเจกับเจ้าด้วย คนอื่นจะนำจุดนี้มาเป็นข้อโต้แย้งได้ พวกเจ้าย่อมรู้ดี ในเมื่อพวกเจ้าทานเจก็จะต้องนำพาพวกลูกๆของเจ้าด้วยเข้าใจไหม?? คนที่เป็นภรรยา ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านมีหน้าที่อบรมสั่งสอนลูกๆให้มีความประพฤติที่มีสัมมาคารวะ เด็กๆก็เปรียบเหมือนกับไม้เวลาที่มันยังอ่อนก็สามารถดัดได้ไม่ยาก ดังนั้น การอบรมเลี้ยงดูลูกจะต้องปลูกฝังคุณธรรม สอนจรรยามารยาท พูดธรรมะให้เขาฟังบ่อยๆ เวไนยล้วนมีจิตพุทธะอย่าคิดว่าเขายังเล็กเขาก็สามารถฟังธรรมเข้าใจได้เช่นกัน พ่อแม่จะต้องทำตัวให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง สิ่งสำคัญคือพฤติกรรมของพ่อแม่จะส่งผลต่อลูก หากพ่อแม่ทะเลาะกันให้ลูกเห็นอยู่ร่ำไปก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจของเขาในอนาคต ความผิดพลาดเช่นนี้พ่อแม่เป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น!!!!!!!!!!!!!!!!!
       …………………ความสุขอยู่แค่เอื้อม………………
บางครอบครัวอยู่บ้านก็ไม่ต่างจากคุก ถึงแม้ว่าครอบครัวนั้นจะมีฐานะร่ำรวยและมั่งคั่งแค่ไหน แต่กลับไม่มีความสุขเลยต้องอยู่อย่างอ้างว้างเดียวดาย หากครอบครัวไม่สงบสังคมย่อมไม่เป็นสุข เพราะว่าทุกคนต่างไขว่คว้าเพื่อสนองความอยาก จึงต้องออกนอกบ้านไปที่สถานบันเทิงหรือบ่อนการพนัน สิ่งเหล่านี้นับวันจะทวีเพิ่มมากขึ้น หากคนเป็นพ่อไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีกับลูก ลูกๆนั้นก็จะเรียนรู้และปลูกฝังในสิ่งที่ผิดไปโดยอัตโนมัติ ภายในจิตใจของพวกเจ้าก็เปรียบเสมือนบ้าน บ้านหลังนี้หากมีเสียงอึกทึก ในบ้านมีแต่ขยะเน่าเหม็น พระที่อยู่ในบ้านก็คงทนอยู่ไม่เป็นสุข ใช่ไหม ???? หากปรารถนาให้พระในบ้านคุ้มครองชีวิตเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุขก็ต้องขจัดสิ่งสกปรกในจิตใจออกไปเสียก่อน รวมทั้งนิสัยและอารมณ์ที่ไม่ดีต่างๆ เช่น เล่นกวัดเขาสุกิม แหล่งท่องเที่ยวารพนัน ดื่มเหล้า เสพยา เหล่านี้ต้องกวาดทิ้งให้สิ้นซาก หากขจัดกิเลสในจิตใจออกไปได้แล้วจึงจะเกิดทักษะและปัญญาอันรู้แจ้งแยบยล พระที่แท้จริงก็จะมาปรากฎและคุ้มครองรักษาชีวิตให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ ปัจจุบันยุคไฮเทค ทุกคนต่างไม่มีเวลาว่าง เมื่อถึงวันหยุดก็ต้องพากันออกไปหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ดังนั้น จึงต้องขับรถไปที่ไกลๆ ต่างจังหวัด ไปปีนเขา ไปทะเล ไปตามหาวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โดยเข้าใจว่าสิ่งนี้สามารถปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยช่วยชีวิตให้อยู่เป็นสุขได้ แต่แท้จริงสถานที่เหล่านั้นล้วนอยู่ในจิตใจของพวกเจ้าแล้ว เวลามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับญาณก็มักให้โอวาทและแต่งบทเพลงธรรมะซึ่งมักจะหยิบยกภูเขาแม่น้ำและชีวิตมาประพันธ์ โดยเนื้อหาในบทเพลงธรรมนั้นสามารถทำให้จิตใจสงบและเย็นลง สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากให้ทุกคนมีความสุขจึงประพันธ์บทกลอนและเพลงธรรมต่างๆให้ทุกคนได้ขับร้องอย่างมีความสุข ขจัดความทุกข์กังวลในใจและแฝงความหมายอันลึกซึ้งซ่อนไว้ในบทเพลง ใช่หรือไม่ว่า เมื่อได้ฟังเพลงธรรมแล้วจิตใจก็รู้สึกสดชื่นเบิกบานใจ บรรยากาศอันแสนอบอุ่นก็จะบังเกิด เมื่อนั้นครอบครัวของเจ้าก็จะกลายเป็นดินแดนสุขาวดีอย่างแท้จริง

ธรรมะในครัวเรือน

 

บทนำ….ธรรมะในครัวเรือนโอวาทพระพุทธจี้กงได้กล่าวไว้ว่า ศิษย์รักเอ๋ย หนทางการบำเพ็ญก้าวเดินไปอย่าได้หยุดลง

เพียงแค่วัพระพุทธจี้กงนนี้ตรงนี้ เจ้าต้องเข้ใจถึงเจตนาฟ้าปกโปรดในกาลนี้ ยุคท้ายบำเพ็ญได้ในครัวเรือน สามีภรรยานำพาพร้อม

บำเพ็ญ บุตรหลานบำเพ็ญเป็นผู้กตัญญู สามีภรรยาในชีวิตประจำวันต่าง

รู้หน้าที่ตนซื่อสัตย์ต่อกัน ครอบครัวนี้มีหรือจะไม่สุขสันต์ ฉะนั้น การ

บำเพ็ญในยุคนี้อยู่ที่ในชีวิตประจำวัน บำเพ็ญจิต บำเพ็ญกาย ภายในและ

ภายนอกให้งดงามกลมกลืน บำเพ็ญจิตให้รู้ชำระล้างกิเลสความเคยชินที่

ไม่ดีแห่งตนเสียก่อน ปฏิบัติกายต้องสำแดงให้ได้ถึงธรรมภายในสู่ภาย

นอก นั่นคือมีความรัก มีควมสุข ศักดิ์ในหน้าที่ในสิ่งที่กระทำ เข้าใจไหม

ศิษย์ทั้งหลายพึงรู้ว่าในชีวิตรักษาคุณสัมพันธ์ทั้งห้า อันพ่อแม่…ต้องรู้มี

จิตเมตตา ผู้ที่เป็นลูก ต้องรู้มีจิตกตัญญู ผู้ที่เป็นพี่ ต้องมีจิตเสียสละมี

น้ำใจ ผู้ที่เป็นน้อง ต้องมีจิตสัมมาคารวะ ผู้ที่เป็นสามีภรรยา ต้องมีจิต

ฉันทา บ้านคือรากฐาน ถ้าไม่ดูแลจัดการให้ดีปัญหาครอบครัวจะตามมา ครอบครัวมีปัญหาเพราะผู้เป็นพ่อแม่มิได้ทำหน้าที่

ตนให้ดี ต่างฝ่ายต่างมีทิฏฐิอยากเอาชนะและเห็นแก่ตัว ไม่มีความอดกลั้น ไม่รู้จักควบคมระงับอารมณ์ ความทุกข์และ

ปัญหาจึงตามมา ธรรมจรรยาสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ พ่อแม่ในยุคนี้ต่างมุ่งหวังด้วยแรงกล้าที่จะให้ลูฏรัก

ของตนนั้นประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน แต่อย่ารักในทางที่ผิดจนไม่ลืมหูลืมตา สิ่งสำคัญจะต้องรู้จักอบรมสั่งสอนและ

ปลูกฝังให้เขามีคุณธรรม มีสัมมาคารวะและความเคารพต่อบิดามารดา ความรักความเมตตาอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก

นั้นจะต้องแฝงด้วยความเอาใจใส่ ในความอ่อนโยนก็แฝงไว้ด้วยความเคร่งครัด ความสำเร็จและความสามารถของลูกจึงจะ

บังเกิดขึ้นจากน้ำมือของผู้เป็นบิดามารดา ผลสำเร็จในกรศึกษามาจากครูบาอาจารย์ให้วิชาความรู้ แต่ผลสำเร็จในชีวิตของ

ลูก พ่อแม่จะต้องเป็นผู้แบกรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่

Author  :  佳玉